วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556

ระบบระบายความร้อนรถยนต์


ส่วนประกอบที่ช่วยในการระบายความร้อน
ปั๊มน้ำ
หน้าที่การทำงาน
ทำให้น้ำหมุนเวียนจากเครื่องไปยังหม้อน้ำแล้วไหลกลับเข้า เครื่องการทำงานของ ปั๊มน้ำจะอาศัยสายพานจาก เครื่องยนต์มาหมุนและจะมีลูกปืน มารองรับในการหมุน
ปัญหา
สาเหตุที่ทำให้ปั๊มน้ำไม่ทำงาน สาเหตุแรกก็คือสายพานขาด เมื่อสายพานขาดปั๊มน้ำก็ไม่สามารถหมุน เมื่อปั๊มน้ำไม่หมุนก็ไม่มีการไหลเวียนของน้ำเพื่อเอาความร้อนออกจากเครื่องยนต์
สาเหตุอีกประการหนึ่ง คือการสึกหรอ หรือแตกของลูกปืนจะทำให้ปั๊มน้ำปิดตายไม่ยอมหมุน
หรือหมุนแบบแกว่งตัว ทำให้ส่วยอื่นของเครื่องยนต์เสียหายตามไปด้วย ส่วนปัญหาที่เจอกันบ่อยของปั๊มน้ำก็คือปั๊มน้ำรั่ว การตรวจสอบทำโดยการติดเครื่องและเร่งเครื่องยนต์จะทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าจะมีน้ำไหลออกมา
แต่ถ้าจอดรถไว้เฉย ๆ โดยไม่มีการติดเครื่องยนต์ หรือติดเครื่องในรอบเดินเบาน้ำจะไม่รั่วซึมให้เห็นการรั่วของปั๊มน้ำส่วนมากมักจะเกิด
ในบริเวณซิลแกนหมุนน้ำจะไหลออกมาทางด้านหน้าและออกจากรูระบายอากาศ
วิธีดูแลรักษา
1. ต้องคอยตรวจสอบสายพานให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ อย่าให้ขาด สายพานควรจะเปลี่ยนใหม่เมื่อมีการใช้งานรถเป็นระยะทาง 40,000 ก.ม
2. เมื่อลูกปืนปั๊มน้ำมีเสียงดังแสดงว่าลูกปืนสึกหรอควรรีบเปลี่ยนทันที
3. การตรวจสอบแบริ่งของปั้มน้ำ ทำโดยจับใบพัดทั้งส่วนบนและล่างและโยกไปมาข้างหน้าและข้างหลัง ถ้าใบพัดขยับได้แสดงว่าแบริ่งปั้มน้ำสึกหล่อ ต้องเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าปั๊มน้ำไม่มีใบพัด ให้จับบนพูลเลย์ ในบางครั้งซีลปั๊มน้ำรั่วจะมีน้ำไหลออกมา หรือแบริ่งมีเสียงก็ควรเปลี่ยนปั๊มน้ำใหม่

วาล์วน้ำ (เทอร์โมสตัท)

หน้าที่การทำงาน
ทำหน้าที่ปิดกั้นทางเดินน้ำไม่ให้ไหลเข้าเครื่องเมื่อเครื่องยนต์เย็น เพื่อที่จะทำให้เครื่องยนต์ร้อนถึงอุณหภูมิการทำงานเร็วขึ้น
 ปัญหา
วาล์วน้ำเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ก็ยังมีโอกาสเสีย เช่น วาล์วน้ำไม่เปิดเมื่อร้อนเนื่องจากเกิดการเสื่อมสภาพ ทำให้เครื่องร้อนจัด(โอเวอร์ ฮีท) การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทำได้โดยการถอดวาล์วน้ำออกชั่วคราว ก่อนถอดวาล์วน้ำออก ให้ถ่ายน้ำหล่อเย็นออกบางส่วน ถอดท่อน้ำออกจากโลหะ ถอดแป้นเกลียวที่ยึดฝาครอบวาล์วน้ำ ควรคลายแป้นเกลียวออกทีละน้อย ๆ เพื่อไม่ให้ฝาครอบบิดตัว ถ้าฝาครอบติดแน่นบนเสื้อหุ้ม ให้ใช้แท่งไม้ตอกเบา ๆ เพื่อให้ฝาครอบหลุดออกมา หลังจากนั้นยกวาล์วน้ำออกและควรใช้เศศษผ้าอุดช่องเปิดไว้ก่อน ขูดปะเก็นเก่าออกให้หมดแล้วทำความสะอาดผิวหน้าประกบและเปลี่ยนประเก็นใหม่ สังเกตว่าวาล์วน้ำเสียหรือไม่ดูจากจากการเปิดฝาหม้อน้ำแล้วติดเครื่องยนต์จนร้อนแล้วเร่งเครื่อง ถ้าเกจ์วัดความร้อนขึ้นสูงแต่ไม่มีการหมุนวนของน้ำอย่างเร็วโดยดูจากช่องฝาปิดหม้อน้ำที่เปิดไว้ แสดงว่าวาล์วน้ำมีปัญหา หรืออีกกรณีหนึ่งการที่วาล์วเปิดตลอดเวลาทำให้เครื่องยนต์ร้อนช้า ถ้าเปิดฝาหม้อน้ำแล้วเร่งเครื่องถึงแม้ว่าเครื่องยนต์จะเย็นก็ตามแต่จะมีการหมุนวนของน้ำอย่างเร็ว

วิธีดูแลรักษา
การตรวจสอบวาล์วน้ำทำโดยเริ่มตันจากการสตาร์ตเครื่องยนต์ในขณะที่เครื่องเย็น ใช้มือสัมผัสที่หม้อน้ำหรือท่อน้ำอันบน ซึ่งในช่วงแรกยังคงเย็นอยู่แต่ถ้าผ่านไปสัก 2 - 3 นาที จะร้อนขึ้นอย่างเร็ว แสดงว่าวาล์วน้ำทำงานผิกปกติ แต่ถ้าค่อย ๆ ร้อนขึ้นทีละหน่อย แสดงว่าวาล์วน้ำเปิดค้างตลอดเวลา แต่ถ้าร้อนขึ้นช้ามากและเครื่องเริ่มร้อนจัด แสดงว่าวาล์วน้ำปิดตายถ้าต้องการทราบว่าวาล์วน้ำทำงานได้หรือไม่ ทำโดยถอดวาล์วน้ำแล้วนำไปแช่ในน้ำร้อน เมื่อน้ำมีอุณหภูมิขึ้นจนมีค่าใกล้เคียงกับอุณหภูมิทำงานที่แสดงไว้บนวาล์ว วาล์วน้ำจะเปิดออก และเมื่อยกวาล์วน้ำขึ้นจากน้ำร้อนแล้วบ่อยให้เย็น วาล์วน้ำก็จะปิด

หม้อน้ำ
หน้าที่การทำงาน
ระบายความร้อนของน้ำที่เดินทางมาจากเครื่องยนต์ โดยที่หม้อน้ำจะมีท่อทางเดินน้ำ แล้วปิดด้วยครีบรังผึ้งเพื่อระบายความร้อนมาที่ครีบ เมื่อลมพัดผ่านท่อทางเดินน้ำก็เกิดการถ่ายเทความร้อนไปกับลม ทำให้น้ำเย็นตัวลง
ปัญหา
การรั่วของหม้อน้ำ ถ้ารั่วตามตะเข็บตัวล่างจะทำให้สังเกตได้ยากเพราะเพราะส่วนของหม้อน้ำจะบังเอาไว ้แต่ถ้ามีการรั่วซึมในบริเวณอื่นจะสังเกตได้ง่าย ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของหม้อน้ำก็คือการอุดตัน
ถ้ามีการอุดตันของหม้อน้ำ ต้องมีการถอดหม้อน้ำออกมาทำความสะอาดโดยการทะลวงเอาสิ่งสกปรกออกมา แต่ถ้าเป็นหม้อน้ำรุ่นใหม่ที่เป็นอลูมิเนียมและใช้ฝาครอบพลาสติกจะใหญ่จะถอดออกมาไม่ได้ การใช้น้ำยาล้างหม้อน้ำแก้การอุดตันของหม้อน้ำส่วนใหญ่จะได้ผลไม่ดีนัก ดังนั้นผู้ขับขี่ควรจะมีการป้องกันการอุดตันของหม้อน้ำ โดยการใช้น้ำยาหม้อน้ำของทางบริษัทรถ และมีการเปลี่ยนน้ำปีละครั้งหรือสองครั้งตามคำแนะนำของคู่มือรถ

ฝาปิดหม้อน้ำ
หน้าที่การทำงาน
ฝาหม้อน้ำสามารถเก็บแรงดันในหม้อ ทำให้จุดเดือดของน้ำเพิ่มสูงขึ้น เป็น 120 องศาเซลเซียส จากเดิม 100 องศาเซลเซียสปัญหา
ความดันของหม้อน้ำจะถูกควบคุมด้วยฝาหม้อน้ำ ดังนั้นต้องมีการตรวจสอบการทำงานของวาล์ว แหวนซีลต้องขยับตัวได้อิสระต้านกับแรงสปริง และแหวนยางต้องมีสภาพที่ดี แผ่นยางและสปริง เมื่อใช้งานไปนาน ๆ แผ่นยางจะเสื่อมไม่สามารถเก็บแรงดันได หรือสปริงเสื่อมแรงต้านลดลงไม่สามารถเก็บแรงดันได้สูง เมื่อน้ำมีอุณหภูมิสูงจะไหลกลับไปยังถังพักน้ำ แต่จะไม่ไหลกลับเข้าหม้อน้ำเมื่อเมื่อเครื่องเย็น ทำให้น้ำในหม้อน้ำลดลง ขาดประสิทธิภาพในการระบายความร้อนทำให้เครื่องยนต์มีความร้อนสูงกว่าปกติ
วิธีดูแลรักษา
ต้องทำการตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำเป็นประจำ ปกติระดับน้ำในหม้อน้ำจะเต็มเสมอ หากผู้ขับขี่ตรวจพบว่ามีการพร่องของน้ำในหม้อน้ำ แสดงว่ามีการรั่วของหม้อน้ำ หรือระบบระบายความร้อนมีปัญหา บางครั้งอาจมีสาเหตุมาจากการปล่อยน้ำในถังพักน้ำแห้งเนื่องจากฝาหม้อเสื่อมสภาพ การเปลี่ยนฝาหม้อน้ำใหม่ จะต้องมีขนาดเขี้ยวล๊อคฝา และแรงดันเท่าเดิม ต้องสังเกตด้วยว่าเป็นหน่วยอะไร


ถังพักน้ำ
หน้าที่การทำงาน
เมื่อน้ำในหม้อร้อนและขยายตัว มันจะดันผ่านวาล์วฝาปิดหม้อน้ำไหลมาถังพักน้ำ เมื่อเครื่องยนต์เย็นน้ำและแรงดันในหม้อลดลง มันจะดูดน้ำจากถังพักน้ำไหลเข้าหม้อน้ำ

ปัญหา
ถ้าผู้ขับขี่พบว่าเวลาเคื่รองเย็นน้ำในถังพักน้ำมีปริมาณมากผิดปกติ โดยที่ไม่ได้เติมน้ำเกินขีดสูงสุด แสดงว่าปะเก็นฝาสูบอาจจะแตก ผู้ขับขี่สามารถตรวจเช็ค้ดวยการเปิดฝาหม้อน้ำเอาไว้ ติดเครื่องจนเครื่องร้อนแล้วเร่งเครื่อง สังเกตน้ำในหม้อน้ำถ้ามีฟองอากาศวิ่งผ่านแสดงว่าฝาปะเก็นสูบแตก ในทางกลับกันพบว่าน้ำในถังลดระดับเร็วจนต้องเติมน้ำบ่อย ๆ แสดงว่าฝาหม้อน้ำมีปัญหา หรือมีการรั่วในระบบระบายความร้อน

พัดลมระบายความร้อน
หน้าที่การทำงาน
มีหน้าที่ดูดลมให้ผ่านรังผึ้งหม้อน้ำ เพื่อระบายความร้อนน้ำหล่อเย็น พัดลมจะมีปะโยชน์เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำหรือการจอดรถเป็นเวลานาน ๆ เช่น รถติด แต่ถ้ารถวิ่งด้วยความเร็วระดับ 60 กม./ชม.ขึ้นไป จะมีกระแสลมที่มาปะทะรังผึ้งหม้อน้ำ เครื่องยนต์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้พัดลม ในเวลารถติดถ้าพัดลมมีประสิทธิภาพในการทำงานไม่เพียงพอ จะทำให้เครื่องยนต์มีความร้อนสูง
ปัญหา
สาเหตุที่พัดลมมีประสิทธิภาพในการทำงานไม่เพียงพอ เนื่องมาจาก ใบพัดเสื่อมสภาพไม่กินลม ชุดฟรีคลัทช์ของแกนใบพัดเสื่อม ทำให้ใบพัดหมุนช้าในรอบต่ำ

วิธีดูแลรักษา
เมื่อชุดฟรีคลัทช์ของแกนใบพัดเสื่อม วิธีแก้ไขต้องอัดน้ำยาประเภทพาราฟินเพิ่ม หรือเปลี่ยนชุดฟรีคลัทช์ใหม่ ส่วนรถที่ใช้พัดลมไฟฟ้า จะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบควบคุมทำให้ใบพัดไม่หมุน หรือหมุนแต่ไม่เร็วพอเนื่องจากการเสื่อมสภาพของมอเตอร์ใบพัด หรือถ่านสึก ต้องซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่

สายพาน
หน้าที่การทำงาน
ทำหน้าที่ขับเคลื่อนปั๊มน้ำ พัดลมและอัลเทอร์เนเตอร์

ปัญหา
ถ้าสายพานตึงเกินไปอาจทำให้แบริ่งของปั๊มน้ำและอัลเทอร์เนเตอร์เสียได้ แต่ถ้าสายพานหย่อนเกินไปจะเกิดการลื่นไถล ทำให้พัดลม ปั๊มน้ำ และอัลเทอร์เนเตอร์ทำงานไม่เต็มที่และจะทำให้สายพานเสียหายในที่สุด

เมื่อพบความผิดปกติของสายพานควรเปลี่ยนใหม่ก่อนที่จะขาด สภาพสายพานที่ควรเปลี่ยนใหม่ คือ

1. สายพานหักเป็นช่วง ๆ ตรวจสอบโดยการดัดสายพานให้โค้งงอ จะเห็นร่องรอยการแตกหักเป็นช่วง ๆ
2. สายพานถูกน้ำหล่อลื่นหรือจารบีจับเป็นเวลานาน จนมีสภาพอ่อนนุ่มและยุ้ย
ยางสายพานแยกตัวออกจากเส้นใย
3. สายพานมีลักษณะเป็นเงามันเนื่องมาจากการลื่นไถล ถ้าลื่นไถลมากจะเงามาก
ถ้าสายพานเพิ่งเริ่มเป็นเงาเพียงเล็กน้อยควรปรับให้ตึงขึ้นเลํกน้อย จะช่วยให้ดีขึ้น
4. สายพานมีรอยขาด เส้นใยเริ่มสึกและขาดในที่สุด
5. สายพานแยกตัวเป็นชั้น ๆ และเส้นใยแตกเป็นฝอย ปล่อยไว้นาน ๆ จะทำให้สายพานขาด

             การปรับความตึงของสายพานต้องคลายสลักเกียวที่อัลเทอร์เนเตอร์ ที่ยึดติดกับเครื่องยนต์ด้วยแป้นยึดและ
สลักเกียวที่ก้านปรับซึ่งจะมี ร่องสำหรับการปรับระยะ ถ้าต้องการปรับสายพานให้ตึง
ใช้ไม้สอดเข้าไประหว่าง อัลเทอร์เนเตอร์กับเสื้อสูบ แล้วงัดเบา ๆ เมื่อสายพานตึงตามที่ต้องการแล้ว
ก็ให้ขันสลักเกียวของก้านปรับใหเฃ้แน่น หลังจากนั้นก็ตรวจสอบความตึงของสายพานอีกครั้ง
แต่ถ้าสายพานตึงเกินไป ให้ดันอัลเทอร์เนเตอร์เข้าหาเครื่อง
การเปลี่ยนสายพานต้องคลายสลักเกียวออกทุกตัวก่อนและดันให้อัลเทอร์เนเตอร์เข้าหาเครื่องยนต์แล้วดึง
สายพานออกจากพูลเลย์อันบนสุดและถอดสายพานออกจากพูลเลย์ของเพลาข้อเหวี่ยงและปั๊มน้ำ
แต่ถ้าเครื่องยนต์ติดตั้งแบบตามขวาง ต้องถอดสายพานให้ผ่านใบพัดของพัดลม

             สำหรับเครื่องยนต์บางรุ่นต้องถอดกำบังลมออกก่อน การเลือกสายพานใหม่ควรเลือกชนิดที่ผู้ผลิตกำหนด และต้องตรวจสอบเบอร์ของสายพาน ให้เท่ากับสายพานเก่า ก่อนใส่สายพานควรทำความสะอาดร่องพูลเลย์ก่อน แล้วคล้องสายพานเข้าไปในร่องพูลเลย์ถ้าไม่สามารถใส่สายพานเข้าร่องพูลเลย์ได้ง่ายก็ให้หมุนพูลเลย
 ์โดยหมุนที่ใบพัดของพัดลมหรือใช้ประแจช่วยในการหมุนหลังจากนั้นตรวจดูว่าสายพานเข้าไป
ในร่องสายพานได้อย่างเหมาะสมและไม่บิดตัว แล้วปรับความตึงของสายพาน ควรตรวจสอบความตึงของสายพานหลังจากที่ใช้งานไปแล้ว 300 กิโลเมตร
เมื่อสายพานพัดลมมีเสียงดังเอี๊ยด ๆ อย่าใช้น้ำมันหล่อลื่นทาเด็ดขาดเพราะถ้าทาน้ำมันเสียงจะหายไปชั่วคราว แต่สายพานจะบวมหรือเหนียวจนใช้งานไม่ได้

ท่อยางตัวล่าง

หน้าที่การทำงาน
เป็นตัวนำน้ำจากหม้อน้ำที่เย็นลงบ้างแล้วกลับเข้าเครื่องยนต์
ปัญหา
จะเกิดการรั่วซึมของน้ำ ใช้มือบีบท่อน้ำตามความยาวของท่อให้สังเกตดูส่วนล่างของท่อยางหรือด้านล่างใต้ท่อยาง ว่ามีรอยของการรั่วซึมหรือการหยดของน้ำหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งและข้อต่อ ท่อน้ำต้องไม่นิ่มหรือแข็งกระด้าง หรือมีอาการบวมเพราะอาจจะทำให้ท่อแตกได้เมื่ออยู่ภายใต้ความดัน สายรัดท่อเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับท่อ ควรมีการตรวจสอบสายรัดท่อด้วย
วิธีดูแลรักษา
ต้องตรวจเช็คสภาพและคอยเปลี่ยนเหมือนกับท่อยางตัวบน โดยเปลี่ยนท่อยางตัวบน 2 ครั้ง ต่อการเปลี่ยนท่อยางตัวล่าง 1 ครั้ง
การถ่ายน้ำหล่อเย็นควรทำทุก ๆ 2 - 3 ปี ควรทำในขณะที่เครื่องเย็น โดยการคลายปลั๊กถ่ายน้ำของหม้อน้ำออก ควรเปิดฝาหม้อน้ำด้วยเพื่อการไหลของน้ำเร็วขึ้น จากนั้นใส่ปลั๊กถ่ายน้ำเข้าที่เดิมแล้วเติมน้ำเข้าไปในหม้อน้ำ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เครื่องทำงานเพื่อที่จะไลฟอง่อากาศออกจากระบบ และอย่าลืมเติมน้ำในถังสำรองด้วย
เมื่อรถมีการใช้งานไปนาน ๆ น้ำหล่อเย็นจะหายไปบางส่วน การเติมน้ำหล่อเย็นไม่ควรทำในขณะที่เครื่องร้อนเพราะน้ำร้อนและไอน้ำภายใต้ความดันจะพุ่งออกมา แต่ถ้าจำเป็นจริงก็ควรใช้ผ้าปิดบนฝาหม้อน้ำ และค่อย ๆ คลายออกทีละน้อยเพื่อให้ความดันออกมาทีละน้อย
ถ้าน้ำในถังสำรองลดลงมากก็เติมในถังน้ำสำรองได้ทันทีควรมีการเติมน้ำยาผสมลงไปในน้ำ หล่อเย็นด้วยเพื่อป้องกันการเกิดตะกรันและเพิ่มจุดเดือดของน้ำให้สูงขึ้น ปริมาณน้ำยาที่เติมลงไปในน้ำควรมีปริมาณที่เหมาะสมตามที่กำหนด

ท่อยางตัวบน

หน้าที่การทำงาน
เป็นทางไหลของน้ำที่ได้รับความร้อนจากเครื่องยนต์แล้วไหลมายังหม้อน้ำเพื่อที่จะระบายความร้อน อายุการใช้งานของท่อยางตัวบนมักจะสั้นและเกิดปัญหาบ่อย จึงควรมีการตรวจสอบของท่อยางเป็นประจำว่า มีการแข็งตัว มีรอยแตก รอยบวมหรือไม่ แต่ถ้ามีอายุการใช้งานประมาณ 3 - 4 ปี ก็ควรจะเปลี่ยนใหม่และควรจะเปลี่ยนพร้อมกับเหล็กรัดท่อยาง ไม่ควรที่จะใช้เหล็กรัดตัวเก่าเพราะอาจจะทำให้รัดไม่แน่น หรือมีการคลายตัวทีหลัง
ปัญหา
จะเกิดการรั่วซึมของน้ำ ใช้มือบีบท่อน้ำตามความยาวของท่อให้สังเกตดูส่วนล่างของท่อยางหรือด้านล่างใต้ท่อยาง ว่ามีรอยของการรั่วซึมหรือการหยดของน้ำหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งและข้อต่อ ท่อน้ำต้องไม่นิ่มหรือแข็งกระด้าง หรือมีอาการบวมเพราะอาจจะทำให้ท่อแตกได้เมื่ออยู่ภายใต้ความดัน สายรัดท่อเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับท่อ ควรมีการตรวจสอบสายรัดท่อด้วย

วิธีดูแลรักษา
อายุการใช้งานของท่อยางตัวบนมักจะสั้นและเกิดปัญหาบ่อย จึงควรมีการตรวจสอบของท่อยางเป็นประจำว่า มีการแข็งตัว มีรอยแตก รอยบวมหรือไม่ แต่ถ้ามีอายุการใช้งานประมาณ 3 - 4 ปี ก็ควรจะเปลี่ยนใหม่และควรจะเปลี่ยนพร้อมกับเหล็กรัดท่อยาง ไม่ควรที่จะใช้เหล็กรัดตัวเก่าเพราะอาจจะทำให้รัดไม่แน่น หรือมีการคลายตัวทีหลัง ผู้ขับขี่ต้องมีการตรวจสภาพของท่อน้ำสภาพของท่อน้ำที่ควรจะเปลี่ยนใหม่
1. ท่อน้ำที่มีสภาพบวมโปร่ง ควรมีการเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะท่อน้ำอาจจะระเบิดได้ทุกเวลาเมื่อร้อนจัด หรืออยู่ภายใต้ความดันสูง การที่ท่อน้ำบวมมีสาเหตุจากบริเวณที่บวมมีคราบน้ำมันหล่อลื่นเปียกชื้นอยู่เสมอ
2. ท่อน้ำที่มีรอยแตกร้าวเป็นเส้นหรือแตกเป็นลาย ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเพราะถ้าปล่อยไว้นาน ๆ แล้วเส้นใยภายในท่อน้ำจะเริ่มขาดและท่อน้ำจะฉีกขาดในที่สุด
3. ปลายท่อน้ำชำรุดมีสาเหตุมาจากสายรัดท่อแน่นเกินไป กดยางจนเปื่อย หรือสายรัดหลวมเกินไป ทำให้มีน้ำรั่วออกมาในขณะที่เครื่องร้อน ปลายท่อจะบานและมีตะกอนจับ ดังนั้นควรใช้สายรัดท่อที่มีความกระชับพอดีกับขนาดท่อ
4. มีตะกอน ตะกรัน และสิ่งสกปรกอยู่ภายในท่อน้ำ ทำให้ท่อน้ำเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
5. ถ้าบีบท่อน้ำแล้วท่อน้ำนิ่มเกินไปหรือตีบแน่น หรือท่อน้ำแข็งจนบีบไม่ลง ควรเปลี่ยนใหม่

ขอขอบคุณที่มา : http://www.aisleberley.com/Novel%20Overheat%20warning/coolingsystem.htm#belt

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

ลง Window เร็วสุดๆ


ลง Window ใหม่อย่างไวที่สุด
เคยเป็นกันบ้างหรือเปล่าครับ สำหรับคนที่ต้องลง windows บ่อย ลงกี่ที ๆ ก็ต้องลงโปรแกรมเหมือนเดิมเสมอ ๆ ไม่เพียงแค่นั้น การตั้งค่าการทำงานต่าง ๆ ยังจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกด้วย
          ตอนนี้ ปัญหาเหล่านั้นหมดไปแล้ว เพียงแค่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เท่านั้น ปัญหากับการต้องลงโปรแกรมใหม่จะหมดไป.....

ลง Windows อย่างเดียว 

1. เปิดเครื่องบูตเข้าสู่วินโดว์สตามปกติ 

2. นำแผ่น Setup CD ของวินโดว์สใส่ลงในไดรฟ์ซีดีรอม 

3. คลิกปุ่ม Start -> Run
 
4. พิมพ์คำสั่ง E:\i386\winnt32 /unattend แล้วคลิกปุ่ม OK (ในกรณีที่ ไดรฟ์ซีดีรอมเป็นไดรฟ์ E ถ้าเป็นไดร์ฟอื่นก็ให้แก้เป็นตามนั่นเช่น C:\ or D:\)
 
5. โปรแกรมติดตั้งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งวินโดว์สให้ใหม่ โดยยังคงรักษา 
ค่าการทำงานต่างๆ เอาไว้เหมือนเดิม

เครดิต http://smf.ruk-com.in.th

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

การตอนกิ่งแบบง่ายๆ

การตอนกิ่งโดยไม่ต้องควั่นกิ่ง


น่าสนใจมากครับ ขอขอบคุณเว็บ http://www.kasetporpeang.com

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


การ Block facebook, MSN, hotmail ด้วย pfSense

การปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์ตามสำนักงานหรือที่บ้าน ถ้าคุณใช้ pfSense อยู่แล้ว สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยคุณสมบัติ DNS forwarder (Firewall อื่นๆ ที่มีคุณสมบัิตินี้ก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน)
ในทางเทคนิคแล้วเราสามารถแทนที่ DNS ภายนอกโดยการเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์หรือ IP Address ตามที่เราต้องการได้ ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์  hotmail.com, hi5.com, และ facebook.com เราจะทำการเปลี่ยนเส้นทางไปยัง IP Address 127.0.0.1 (loop back)
จากนั้นก็ทำการสร้าง LAN Rule เพื่อ Block Destination คือ 127.0.0.1 เพียงเท่านี้ก็สามารถ Block เว็บไซต์ดังกล่าวได้แร้วครับพี่น้อง..
สำหรับตัวอย่างนี้ผมจะทำการ Block Website คือ
www.facebook.com
www.hi5.com
www.hotmail.com
และ Messenger
1. สร้าง DNS forwarder โดยไปที่ Service > DNS Forwarder

รูปด้านล่าง คือตัวอย่าง DNS Forwarder ที่สร้างเสร็จแล้ว, กรณีต้องการ Block เว็บอื่นๆ สามารถเพิ่มได้เรื่อยๆ

2. สร้าง LAN Rule ตามภาพตัวอย่างครับ เมื่อสร้างเสร็จแล้วให้เลื่อนไว้อยู่ตำแหน่งบนสุด

3. ทดสอบการใช้งาน ว่าสามารถ Block ได้จริงหรือไม่

ขอขอบคุณ ที่มา : http://www.laontalk.com/2011/06/16/1910

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เปลี่ยนโน้ตบุ๊กให้กลายเป็นเราเตอร์ไร้สาย

เปลี่ยนโน้ตบุ๊กให้กลายเป็นเราเตอร์ไร้สาย 1.ต้องต่ออินเทอร์เน็ตในโน้ตบุ๊กที่ต้องการทำเป็น Virutal Wi-Fi แล้ว เปิด Notepad พิมพ์คำสั่ง netsh wlan set hostednetwork mode=allow ssid=ชื่อเน็ตเวิร์ก key=พาสเวิร์ด netsh wlan start hostednetwork โดยระบบจะให้บริการในการเชื่อมต่อ เข้ารหัสด้วย WPA2 จากนั้นเซฟไฟล์เป็น นามสกุล.cmd 2.เสร็จเรียบร้อย ให้คลิกขวาบนไฟล์ *.cmd เลือกคำสั่ง Run as administrator 3.ตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วย Virtual Wi-Fi ได้จากใน Wireless Network Connection ใน Network Connections of Network and Internet โดยจะแสดงชื่อบริการที่ตั้งไว้ เพียงแค่นี้ก็สามารถเปลี่ยนโน้ตบุ๊กที่ใช้ให้เป็นเราเตอร์ไร้สายได้ สำหรับการแชร์อินเทอร์เน็ตหรือมือถือและโน้ตบุ๊กเครื่องอื่นๆ ได้แล้ว
ที่มา : ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Win 7 ไม่สามารถเข้าเครื่อง Windows Server 2000 และ Windows Server 2003 ได้

run "gpedit.msc" on Win7 and change the following policy: [Computer Configuration\Policies\Windows Settings\Security Settings\Local Policies\Security Options\Network security: LAN Manager authentication level] Change it to "send LM & NTLM responses". Configure "Network access: Let Everyone permissions apply to anonymous users" to Enabled.

การทำรูปภาพให้เป็นสี่เหลี่ยมมุมมน(rounding corner)ด้วย photoshop

1. เปิดรูปที่เราต้องการจะแก้ไขขึ้นมาด้วย photoshop ครับ 2. เมื่อเปิดภาพขึ้นมาแล้วก็ให้เพื่อนๆ คลิกที่ rounded regtagle tool ครับ แล้วก็ใส่ค่ารัศมี (radius) ตามสมควร (ของผมก็ประมาณ 15 px ครับ) 3. จากนั้นก็ลากเมาส์ครอบพื้นที่ของภาพที่เพื่อนๆ ต้องการ แล้วกด Ctrl+enter 4. คลิกขวภายในพื้นที่ที่เพื่อนๆ เลือก แล้วเลือกที่เมนู blending options 5. พอมีป๊อปอัพขึ้นมาให้ดูที่ช่อง General blending จะมีคำว่า Opacity จากเดิมที่มีค่าเป็น 100% ให้เซ็ตให้เป็น 0% เสร็จแล้วก็กด OK ครับ 6. จากนั้นก็กด Ctrl+c แล้วเปิดเอกสารใหม่ขึ้นมา (ตอนเปิดเอกสารใหม่ขึ้นมาอย่าลืมตั้งค่าพื้นหลังให้เป็น transparent ด้วยนะครับ) 7. กด Ctrl+v ในเอกสารใหม่ 8. เท่านี้เพื่อนๆ ก็จะได้ภาพที่เป็นสี่เหลี่ยมมุมมนแล้วครับ เครดิต : http://www.imooh.com/photoshop-round-corners

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ให้แสดง folder ที่ถูกซ่อน

เข้าไปใน---->Runพิมคำว่า----->regsvr32 /i shell32.dll กด ok

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เผยแพร่ผลงานนวัตกรรม การสอนภาษาอังกฤษ ครูประจิม มนต์อินทร์

ขออนุญาตเผยแพร่ผลงานนวัตกรรม การสอนภาษาอังกฤษ


ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็มได้ที่นี่
http://www.beupload.com/download/?940490&A=375064

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วัน เกิด กับสีของรถ ที่ถูกโฉลก ตามหลักทักษา

บุคคลที่เกิดวันอาทิตย์
สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีชมพู สีโอโรส เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีเขียวเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีดำ สีเทา สีควันบุหรี่เป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีฟ้า สีน้ำเงิน (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันอาทิตย์
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันวันอาทิตย์
* อายุย่าง 23 , 32 , 41 , 50 , 59 , 68และอายุ 77 ปีห้ามซื้อรถสีชมพู สีโอโรส เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 ,และ 69 สีที่ห้ามซื้อคือสีเขียวทุกชนิด
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีดำ สีเทา สีควันบุหรี่ เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคล ได้ตลอด


บุคคลที่เกิดวันจันทร์
สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีเขียว หรือสีแดง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีดำ สีม่วงเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีฟ้า สีน้ำเงินเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีแดง (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต)
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันจันทร์
* ช่วงอายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีเขียวทุกชนิด เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 และ 68 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีดำ , สีม่วง
* และช่วงอายุย่าง 26 , 35 , 44 , 53 , 62 , 71 และ 80 ขึ้นไป สีที่ห้ามซื้อคือ สีฟ้า สีน้ำเงิน เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคล ได้ตลอด ยกเว้นสีแดงสีเดียว


บุคคลที่เกิดวันอังคาร
สีที่ เป็นมงคล ควรเป็นสีดำ หรือสีม่วง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีเหลืองแก่ สีแสด สีบรอนซ์ทองเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีแดงเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีบรอนซ์เงิน สีขาว สีเหลืองอ่อน เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันอังคาร
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันอังคาร
* อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีดำและสีม่วง เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันอังคาร
* สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 และ 68 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีหลืองแก่ สีแสด สีบรอนซ์ทอง
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีแดง เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคล ได้ตลอด


บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางวัน)
สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีเหลืองแก่ สีแสด สีบรอนซ์ทอง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีดำ สีเทาเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์ทอง สีเหลืองอ่อนเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีชมพู สีโอโรส (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางวัน)
นอกจากนี้ แล้ว บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางวัน)
* อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีเหลืองแก่ สีแสด และสีบรอนซ์ทอง เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 และ 68 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีดำ , สีเทา
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อน เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคล ได้ตลอด


บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางคืน)
สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีแดง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อนเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีดำ สีม่วงเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีเหลืองแก่ สีบรอนซ์เงิน สีแสด (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางคืน)
นอกจากนี้ แล้ว บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางคืน)
* อายุย่าง 23 , 32 , 41 , 50 , 59 , 68และ 77 ปีห้ามซื้อรถสีแดง เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 และอายุ 69 สีที่ห้ามซื้อคือสีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์เงินและสีเหลืองอ่อน
* และช่วงอายุย่าง 22 , 31 , 40 ,49 ,58 และ 67ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีดำ สีม่วง เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคล ได้ตลอด


บุคคลที่เกิดวันพฤหัสบดี
สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีฟ้า สีน้ำเงิน เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีแดงเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีเขียวเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีดำ สีม่วง (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันพฤหัสบดี
* อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีฟ้า สีน้ำเงิน เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 , 69และอายุย่าง 78 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีแดง
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีเขียวทุกชนิด เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคล ได้ตลอด


บุคคลที่เกิดวันศุกร์
สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อนเพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีชมพู และสีโอโรสเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีแสด สีเหลืองแก่ สีบรอนซ์ทอง เป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีเทา สีดำ สีควันบุหรี่ (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันศุกร์
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันศุกร์
* อายุย่าง 23 , 32 , 41 , 50 , 59 , 68 และ 77 ปีห้ามซื้อรถสีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อน เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 , 69 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีชมพู สีโอโรส
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีเหลืองแก่ สีบรอนซ์ทอง และสีแสด เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคล ได้ตลอด


บุคคลที่เกิดวันเสาร์
สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีเทา สีดำ เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีฟ้า สีน้ำเงินเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีชมพู สีโอโรสเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี
* สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีเขียวทุกชนิด (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันเสาร์
นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันเสาร์
* อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีเทา สีดำ เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง
* สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 , 68และอายุย่าง 77 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีฟ้า สีน้ำเงิน
* และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีชมพู สีโอโรส เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน
* ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคล ได้ตลอด
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้เขียน อ.สุรัฐพงศ์ สุวรรณรัตน์ กรรมการบริหาร สมาคมโหร แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์

เฝ้าคอย

เฝ้าคอย
looking