วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วิธีแก้ไข Ctrl+c Ctrl+v ใน Word 2010 กับ windows 8 ไม่ได้

วิธีแก้ไข Ctrl+c Ctrl+v ใน Word 2010 กับ windows 8 ไม่ได้

ใช้ Windows 8 + office 2010 อาการคือเปิด word แล้ว ใช้ shortcut Ctrl+c Ctrl+v ไม่ได้แต่สามารถใช้เม้าส์เลือก copy และ paste ได้ปกติ อาการนี้ มักจะเกิดกรณีเปลี่ยนคีบอร์ดเป็นภาษาไทย แล้วไปเปิดโปรแกรม Microsoft Word 2010 จะไม่สามารถใช้ Shortcut ได้ ทุกคำสั่ง แต่เมื่อแป้นพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษจะไม่เป็นไร ใช้ได้ปกติ (ก่อนเปิดโปรแกรม Word 2010)
ปล. Excel Powerpoint อาการนี้ไม่มี
วิธีการแก้ไข
  1. เปิด Microsoft Word 2010 ขึ้นมาเลย
  2. ไปที่เมนู File > option
  3. เลือก Customize Ribbon และเลือกปุ่ม Customize ตามภาพ
  4. ทำขึ้นตอน ที่ 1 – 4 ตามภาพ เลือก Categories เลือก Home Tab แล้วไปดูที่ Commands เลือก EditCopy จะเห็นว่า ช่อง Current Keys นั้น Ctrl+c หายไป ให้เอาเม้าส์ไปคลิ๊กช่อง Press new shortcuy key ดังขั้นตอนที่ 3 แล้วกดคีย์บอร์ด Ctrl ค้างไว้แล้วกด c ตัวอักษร Ctrl+c จะปรากฎขึ้นจากนั้น กดปุ่ม Assign เพื่อบันทึก ตามขึ้นตอนที่ 4 ดังภาพ
  5. แล้วอย่าลืมแก้ตัวอื่นด้วยนะครับ เช่น EditCut (Ctrl+x)   EditFind (Ctrl+f) EditPaste (Ctrl+v) EditUndo (Ctrl+z) FileSave (Ctrl+s) และ FilePrint (Ctrl+p)
ปล. หากหาคำสั่งในช่อง Commands  ไม่เจอ ให้เลือก Categories เป็น All Commands ดังภาพ ลองทำดูนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

คีย์ลัด windows 8

CHARMS

Win+C: All charms
Win+Q: Search charm
Win+H: Share charm
Win: Start charm
Win+K: Devices charm
Win+I: Settings charm

SEARCH

Win+Q: Search apps
(tip: an even easier way to search apps is to just begin typing from the Start screen)
Win+W: Search settings
Win+F: Search files

APPS (METRO)

Win+Z: Get to app options
Win+.: Snap app to the left
Win+Shift+.: Snap app to the right
Alt+F4: Close an app

DESKTOP

Win+D: Open Desktop
Win+,: Peek at desktop
Win+B: Back to desktop

OTHER

Win+X: Open system utility settings menu
Win+PrntScrn: Take screenshot and save to Pictures
Win+Tab: Open switch list
Win+T: Preview open windows in taskbar
Win+U: Open Ease of Access Center
Win+Spacebar: Switch language and keyboard
Win+Enter: Open Windows Narrato

คำสั่งใส่เสียง หรือเพลง HTML



                ไฟล์เพลงที่ทดลองใช้แล้วไม่มีปัญหา ได้แก่ wav , mid , mp3 หากคุณมีเพลงอยู่ในเครื่องแล้ว ลองหาที่อยู่ของเพลง
 เช่นสร้าง Folder ชื่อ sound เก็บไฟล์เพลงที่ชื่อ sing.mp3 ไว้ แล้วนำมาใส่ในคำสั่งนี้สิครับ พิมพ์เพียงโค้ดสั้นๆข้างบนลงใน notepad
 เซฟไฟล์เป็น HTML แล้วเปิดออกมา
 ตัวอย่าง
                 

 คุณก็จะได้ยินเสียงของเพลงนั้น อย่างในตัวอย่างนี้ที่อยู่ของเพลงคือ "aerith.mid"

ซึ่ง sing  เป็นชื่อไฟล์เพลง  ส่วน mp3  เป็นชื่อสกุลหรือชนิดของไฟล์ คุณสามารถรู้ชื่อสกุลไฟล์โดยการคลิ๊กขวาที่ไฟล์นั้น
 แล้วกดเลือก Properties จะเห็นชื่อสกุลอยู่หลังชื่อไฟล์และจุด

คำสั่งปรับแต่งเพิ่มเติม


         

                นี่เป็นคำสั่งที่ใช้ใส่เสียงคำสั่งต่างๆที่เพิ่มเข้ามามีดังนี้... loop="0"   เป็นคำสั่งกำหนดจำนวนครั้ง(รอบ)ที่เล่นเพลงหรือวิดีโอคลิ๊ป
 ในที่นี้ใช้เลข 0 หมายถึงให้เล่นเพลงแค่รอบเดียว
 หากไม่ใส่คำสั่งนี้ loop จะมีค่าดั้งเดิม(default)เท่ากับ 1 ซึ่งหมายถึงเล่นเพลงรอบเดียวเช่นกัน หากกำหนด loop="2" จะเล่นเพลง 2 รอบ
หากกำหนดให้มากขึ้น ก็จะเล่นรอบตามเลขที่กำหนด หากใช้ loop="-1" (ลบหนึ่ง) เสียงเพลงจะเล่นซ้ำไม่รู้จบ

         volume="-3000"   เป็นคำสั่งกำหนดความดัง(volume)ของเสียงหรือเพลง โดยกำหนดมากสุดได้ที่ volume="0"
 จะให้เสียงดังที่สุด ส่วนการกำหนดต่ำสุดที่ volume="-10000" จะให้เสียงเบาที่สุดหรือเงียบไปเลยครับ   ที่ตั้งไว้ที่ติดลบสามพัน
 เพื่อให้เสียงค่อยๆหน่อย

          balance="0"   เป็นคำสั่งกำหนดทิศทางของเสียง ว่าให้ไปออกทางลำโพงซ้ายหรือขวามากกว่ากัน
 การกำหนดต่ำสุดที่ balance="-10000" เสียงจะออกทางลำโพงซ้ายทั้งหมด   ส่วนการกำหนดสูงสุดที่ balance="10000"
 เสียงจะออกทางลำโพงขวาทั้งหมด   เมื่อตั้งไว้ที่ 0 เสียงจึงออกทั้งสองข้างเท่ากัน ซึ่งจริงๆแล้วไม่ต้องกำหนดก็ได้
 เพราะค่าดั้งเดิมของคำสั่งนี้จะเท่ากับ 0   เพียงแต่ทำไว้ ให้เป็นตัวอย่าง

ที่มา : http://www.freewebs.com/webthai/s1.html

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทุจริตครู 344 คน



เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม ก.ค.ศ.ว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ส่งหนังสือถึง ก.ค.ศ. และคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษา 119 เขต ให้พิจารณาเพิกถอนการบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย ในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการครู ในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว12 ในครั้งที่ผ่านมา จำนวน 344 ราย เนื่องจากเห็นว่าบุคคลเหล่านี้กระทำการเข้าข่ายทุจริตในการสอบ ทำข้อสอบผิดในข้อเดียวกัน และมีคะแนนสอบที่สูงผิดปกติ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้สำนักงาน ก.ค.ศ.แจ้งไปยัง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ 119 เขต ให้แจ้งผู้มีอำนาจสั่งบรรจุแต่งตั้งตามมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งหมายถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ดำเนินการตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ สั่งให้ผู้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งเหล่านี้ออกจากราชการ 
 
"ดีเอสไอได้แจ้งว่า ทั้ง 344 รายขาดคุณสมบัติทั่วไปของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพราะได้กระทำการเข้าข่ายทุจริตในการสอบเข้ารับราชการและบกพร่องในศีลธรรม อย่างไรก็ตาม ทั้ง 344 รายดังกล่าวยังไม่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นครูผู้ช่วยทั้งหมด ดังนั้น ก.ค.ศ.จึงมีอำนาจดำเนินการได้เฉพาะผู้ที่ได้รับการบรรจุแล้วเท่านั้น โดยใช้อำนาจตามมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตามที่กฎหมายให้ ส่วนที่มติ ก.ค.ศ.ไม่ใช้คำว่า ?สั่ง? ให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ และผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งดำเนินการเพิกถอน แต่ใช้คำว่า ?แจ้ง? เพราะเป็นการใช้คำตามกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่า อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ และผู้อำนวยการโรงเรียนจะเข้าใจและดำเนินการตามมติ ก.ค.ศ. และในการประชุม ก.ค.ศ.ครั้งต่อไป สำนักงาน ก.ค.ศ.จะต้องมารายงานว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนได้สั่งให้ออกราชการไปครบแล้วหรือยัง" นายพงศ์เทพกล่าว
 
นางรัตนา ศรีหิรัญ เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าสำนักงาน ก.ค.ศ.จะทำหนังสือแจ้งไปยัง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯให้ดำเนินการตามมติดังกล่าว และคิดว่าทางผู้อำนวยการโรงเรียนจะดำเนินการตามมติของ ก.ค.ศ. เพราะถ้าไม่ทำ ก็ถือว่าไม่ดำเนินการตามมติที่ ก.ค.ศ.แจ้งไป ซึ่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ก็พูดชัดเจนว่า คำว่า "แจ้ง" ถือเป็นภาษากฎหมายเท่านั้น แต่โดยนัยยะต้องปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตาม ทั้ง 344 รายที่ดีเอสไอเห็นว่า กระทำการเข้าข่ายทุจริตในการสอบนั้น ยังไม่ได้รับการบรรจุทุกคน ดังนั้น ก.ค.ศ.จึงสามารถดำเนินการได้เฉพาะผู้ที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งแล้วเท่านั้น ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับการบรรจุแต่งตั้ง ก.ค.ศ.ไม่มีอำนาจไปดำเนินการอะไรได้ เพราะถือว่ายังไม่เข้ารับราชการ แต่ทั้ง 344 รายนี้ถือว่าถูกขึ้นบัญชีดำ ซึ่งตามระเบียบแล้วไม่สามารถกลับมารับราชการครูได้อีก
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาวาระผลการสอบสวนทุจริตการสอบครูผู้ช่วย ได้เชิญบุคคลอื่นออกจากห้องประชุมทั้งหมด และให้เหลือแต่เฉพาะคณะกรรมการ ก.ค.ศ.เท่านั้น โดยให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นที่สนใจของสังคม โดยใช้เวลาหารือเรื่องนี้กว่า 2 ชั่วโมง
 
แหล่งข่าวจาก ศธ.คนหนึ่ง เปิดเผยว่า จากกรณีที่ดีเอสไอได้ส่งหนังสือแจ้งมายัง ก.ค.ศ. และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา 119 เขต ที่มีผู้สอบบรรจุครูผู้ช่วยได้คะแนนสูงผิดปกติ 344 คน ให้พิจารณายกเลิกการบรรจุ เนื่องจากเห็นว่าบุคคลเหล่านี้กระทำการเข้าข่ายทุจริตในการสอบ ทำข้อสอบผิดในข้อเดียวกัน และมีคะแนนสอบที่สูงผิดปกตินั้น ทาง
 
ดีเอสไอยังได้แนบเอกสารประกอบคำให้การต่อเจ้าพนักงานคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเนื้อหาเอกสารส่วนหนึ่งได้ระบุถึงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดของ ศธ. ซึ่งในข้อที่ 3 ของข้อสรุประบุว่า "คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯพิจารณาเห็นว่า ควรมีการรายงานผู้บังคับบัญชาให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุ ตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ทราบ และดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการพลเรือนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่มีกรณีมีมูลสงสัยว่า เป็นผู้ร่วมกระทำผิดวินัย กรณีละเลยหรือจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยพิจารณาจากพฤติการณ์ของนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นการจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นเหตุให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรง จึงเป็นกรณีมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ประกอบกับนายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการ กพฐ. ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการบริหารงานบุคคล และนายไกร เกษทัน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ สพฐ. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบอันสำคัญในการดำเนินการสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยครั้งนี้ อยู่ในข่ายผิดวินัยดังกล่าว
 
นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอส่งเอกสารหลักฐานเป็นคำให้การของนายพิษณุ ตุลสุข หัวหน้าผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดของ ศธ. และ ดร.ชอบ ลีซอ ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลการสอบของผู้เข้าสอบคัดเลือกครูผู้ช่วย ประจำคณะกรรมการศูนย์ให้คำปรึกษาและติดตามผลการคัดเลือกครูผู้ช่วย เรื่องการวิเคราะห์สถิติผู้กระทำความผิด และในส่วนของดีเอสไอที่พบหลักฐานว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ซึ่งดีเอสไอได้ส่งเอกสารทั้ง 3 ส่วนไปยังเขตพื้นที่การศึกษา
 
นายธานินทร์กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่มีการตัดต่อคำให้การของนายพิษณุ หรือ ดร.ชอบ เนื่องจากเกรงว่าจะผิดวัตถุประสงค์ โดยทั้ง 2 คน ให้การเป็นลายลักษณ์อักษร โดยใช้ผลสอบสวนของคณะกรรมการที่แต่ละคนเข้าไปเกี่ยวข้องในการสอบสวน โดยในคำให้การของนายพิษณุจะมีชื่อผู้เกี่ยวข้องในส่วนของ สพฐ. ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ศธ.ที่จะสอบสวนต่อไป ทั้งนี้ เหตุที่ต้องแนบเอกสารหลักฐานดังกล่าวไปด้วยทั้งหมด เพื่อต้องการให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯพิจารณาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะมีผลการสอบสวนและหลักฐานที่เกี่ยวข้องในระดับหนึ่งแนบมาด้วย ซึ่งเพียงพอที่จะชี้ว่าบุคคลในเขตพื้นที่ฯของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต และสามารถให้ออกจากราชการได้ ทั้งนี้ หากทาง อ.ก.ค.ศ.ยังไม่มั่นใจในพยานหลักฐานที่ดีเอสไอส่งไปให้ ก็อาจจะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้ โดยเรียกดูกระดาษคำตอบของผู้เข้าสอบว่ามีการกระทำผิด หรือมีการตอบในข้อ 34 ผิด ซึ่งเป็นประเด็นต้องสงสัยจริงหรือไม่
 
นายชินภัทรกล่าวว่า ในที่ประชุม ก.ค.ศ.ได้พิจารณาหนังสือที่ดีเอสไอส่งถึง ศธ. โดยในภาคผนวกมีเอกสารดังกล่าวแนบมาด้วย แต่ในที่ประชุม ก.ค.ศ.ไม่ได้หยิบยกเนื้อหาในภาคผนวกขึ้นหารือ อย่างไรก็ตาม ได้เห็นหนังสือดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลจากการวิเคราะห์ของนายพิษณุ "ผมแปลกใจว่าดีเอสไอส่งหนังสือดังกล่าวไปยัง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯได้อย่างไร ซึ่งไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นเอกสารลับ ส่วนที่มีชื่อของผมถูกพาดพิงว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงนั้น ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ในเมื่อเอกสารถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว" นายชินภัทรกล่าว
 
นายไกรกล่าวว่า ขอไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ และขอไม่พูด อะไรอีกแล้ว จะทำอะไรก็เรื่องของดีเอสไอ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับหนังสือที่ดีเอสไอส่งไปยัง 119 อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ ประกอบด้วย 

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 

 >>  (สพป.) กาญจนบุรี เขต 1,
 >>  สพป.กาฬสินธุ์ เขต 1, 2 และ 3,
 >>  สพป.กำแพงเพชร เขต 1 และ 2,
 >>  สพป.ขอนแก่น เขต 1, 2, 3, 4 และ 5,
 >>  สพป.จันทบุรี เขต 2,
 >>  สพป.ฉะเชิงเทรา เขต 2,
 >>  สพป.ชลบุรี เขต 1 และ 2,
 >>  สพป.ชัยนาท,
 >>  สพป.ชัยภูมิ เขต 1, 2 และ 3,
 >>  สพป.เชียงใหม่ เขต 5,
 >>  สพป.ตรัง เขต 2,
 >>  สพป.ตาก เขต 2
 
 >>  สพป.นครปฐม เขต 1,
 >>  สพป.นครพนม เขต 1 และ 2,
 >>  สพป.นครราชสีมา เขต 1, 2, 3, 4, 5, 6 และ 7,
 >>  สพป.นครศรีธรรมราช เขต 4,
 >>  สพป.นครสวรรค์ เขต 1,
 >>  สพป.นราธิวาส เขต 2 และ 3,
 >>  สพป.น่าน เขต 1 และ 2,
 >>  สพป.บึงกาฬ เขต 1,
 >>  สพป.บุรีรัมย์ เขต 1, 3 และ 4,
 >>  สพป.ปทุมธานี เขต 1 และ 2,
 >>  สพป.ปราจีนบุรี เขต 1,
 >>  สพป.ปัตตานี เขต 1,
 >>  สพป.พะเยา เขต 1,
 >>  สพป.พัทลุง เขต 2,
 >>  สพป.พิจิตร เขต 2,
 >>  สพป.พิษณุโลก เขต 2 และ 3,
 >>  สพป.เพชรบุรี เขต 2,
 >>  สพป.เพชรบูรณ์ เขต 1 และ 3,
 >>  สพป.แพร่ เขต 1 และ 2
 
 >>  สพป.มหาสารคาม เขต 1,
 >>  สพป.มุกดาหาร เขต 1,
 >>  สพป.แม่ฮ่องสอน เขต 2,
 >>  สพป.ยโสธร เขต 2,
 >>  สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 และ 2,
 >>  สพป.ระยอง เขต 1 และ 2,
 >>  สพป.ราชบุรี เขต 1,
 >>  สพป.ลพบุรี เขต 1,
 >>  สพป.เลย เขต 1, 2 และ 3,
 >>  สพป.ศรีสะเกษ เขต 1, 2 และ 4,
 >>  สพป.สกลนคร เขต 1, 2 และ 3,
 >>  สพป.สงขลา เขต 2,
 >>  สพป.สตูล,
 >>  สพป.สระบุรี เขต 1 และ 2,
 >>  สพป.สิงห์บุรี,
 >>  สพป.สุรินทร์ เขต 1, 2 และ 3,
 >>  สพป.หนองคาย เขต 2,
 >>  สพป.หนองบัวลำภู เขต 1,
 >>  สพป.อำนาจเจริญ,
 >>  สพป.อุดรธานี เขต 1, 2, 3 และ 4,
 >>  สพป.อุทัยธานี เขต 2 และ
 >>  สพป.อุบลราชธานี 1, 2, 3 และ 4
 
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 
 >>  (สพม.) เขต 2 (กรุงเทพมหานคร),
 >>  สพม.เขต 4 (ปทุมธานี-สระบุรี),
 >>  สพม.เขต 6 (ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ),
 >>  สพม.เขต 7 (ปราจีนบุรี-นครนายก-สระแก้ว),
 >>  สพม.เขต 9 (สุพรรณบุรี-นครปฐม),
 >>  สพม.เขต 10 (เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-สมุทรสงคราม-สมุทรสาคร),
 >>  สพม.เขต 18 (ชลบุรี-ระยอง),
 >>  สพม.เขต 19 (เลย-หนองบัวลำภู),
 >>  สพม.เขต 20 (อุดรธานี),
 >>  สพม.เขต 21 (หนองคาย),
 >>  สพม.เขต 24 (กาฬสินธุ์),
 >>  สพม.เขต 25 (ขอนแก่น),
 >>  สพม.เขต 27 (ร้อยเอ็ด),
 >>  สพม.เขต 29 (อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ),
 >>  สพม.เขต 30 (ชัยภูมิ),
 >>  สพม.เขต 31 (นครราชสีมา),
 >>  สพม.เขต 33 (สุรินทร์),
 >>  สพม.เขต 40 (เพชรบูรณ์),
 >>  สพม.เขต 41 (กำแพงเพชร-พิจิตร),
 >>  สพม.เขต 42 (นครสวรรค์-อุทัยธานี) และ
 >>  สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
 
ดร.ชูเกียรติ วิเศษเสนา ผู้อำนวยการ สพม. เขต 31 นครราชสีมา เปิดเผยว่า มีผู้สมัครสอบแข่งขันบรรจุครูผู้ช่วยรอบใหม่ในสังกัด สพม. เขต 31 รวมทั้งสิ้น 1,386 คน จากจำนวนรับบรรจุ 9 อัตรา ใน 9 สาขาวิชาเอก โดยมีผู้ขาดคุณสมบัติไม่มีสิทธิสอบ 3 คน แยกเป็นไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู 2 คน และสมัครซ้ำซ้อนมากกว่า 1 เขตพื้นที่ฯ 1 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้สมัครอีก 13 คน ที่เอกสารวุฒิการศึกษาวิชาเอกที่นำมาสมัครไม่ชัดเจน หรือจบไม่ตรงกับวิชาเอกที่สมัคร อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มนี้ทาง ก.ค.ศ.จะให้สิทธิสมัครสอบไปก่อน หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาคุณสมบัติเพื่อตัดสิทธิตามหลักเกณฑ์อีกครั้ง ส่วนขั้นตอนเรื่องการออกข้อสอบและตรวจข้อสอบนั้น ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) นครราชสีมาได้ตอบรับแล้วในราคาว่าจ้างดำเนินการ 1.4 ล้านบาท ส่วนสนามสอบแข่งขันใช้สถานที่อาคารภายในโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย 
 
"ขอให้ผู้สมัครสอบอย่าหลงเชื่อกลุ่มผู้ไม่หวังดีแสวงหาผลประโยชน์จากการสอบครั้งนี้ โดยการโฆษณาชวนเชื่อ ว่าสามารถวิ่งเต้น หรือแอบอ้างว่าจะช่วยเหลือโกงข้อสอบได้" ดร.ชูเกียรติกล่าว
 
นายพิสิษฐ์ ชดกิ่ง ผู้อำนวยการ สพป.นครราชสีมา เขต 3 กล่าวว่า มี ผู้สมัครสอบทั้งสิ้น 2,749 คน แยกเป็นวิชาเอกคอมพิวเตอร์ 968 คน คณิตศาสตร์ 130 คน วิทยาศาสตร์ 402 คน ดนตรีศึกษา 43 คน ภาษาไทย 70 คน สังคมศึกษา 735 คน และปฐมวัย 401 คน โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครสอบ 
 


อ่านต่อ: http://www.kruwandee.com/news-id6514.html#ixzz2TpPvWvK5

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ขั้นตอนการเขียน mindmap


เริ่มวาดที่จุด "กึ่งกลาง" ของกระดาษก่อน  ทำไมละ?  . Why? 
ก็เพราะว่าการเริ่มต้นที่จุดกึ่งกลางจะทำให้สมองของเราเป็นอิสระ 
พร้อมที่แตกหน่อความคิดออกไปยังทุกทิศทางไงละ

ใช้รูปภาพหรือวาดรูปประกอบไอเดียที่คุณเพิ่งจะเขียนไปตรงจุดกึ่งกลางตะกี้  ทำไมละ?  
ก็เพราะว่ารูปภาพมีความหมายนับล้านคำไงละครับ  และยังช่วยให้เราได้ใช้จินตนาการไปในตัวด้วย  
ภาพที่อยู่ตรงกึ่งกลางจะดูน่าสนใจเพิ่มขึ้นทำให้เรามีจุดโฟกัสที่แน่นอน ดึงดูดความสนใจ
และทำให้รอยหยักในสมองได้เพิ่มขึ้นด้วย!!

ใช้สีหลากสีสัน  ทำไม?  ก็เพราะว่าสีจะทำให้สมองของคุณได้ตื่นตัว ตื่นเต้น ตื่นตูม
สีสันจะทำให้แม็พของพวกเราดูมีชีวิตชีวาน่าอ่านมากยิ่งขึ้นไงครับ  
แถมการนั่งวาดภาพระบายสีมันก็ได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์ด้วยนะเออ
วาด "กิ่ง" ออกมาจากภาพตรงกลางแล้วแตกกิ่งก้านสาขาออกมาตามที่สมองเราจะคิดได้
ต้องให้เส้นเชื่อมต่อกันนะครับเหตุผลก็เพราะว่าสมองของมนุษย์ทำงานแบบเชื่อมโยงเข้าหากัน 
มันไม่ได้ทำงานแบบโดดเดี่ยวเอกา  แต่ทำงานแบบจอยกับอย่างอื่นด้วย


วาดเส้นกิ่งให้ "โค้ง"  ดีกว่าวาดแบบ "เส้นตรง"  อ้าว!! ทำไมละ??  เหตุผล 
ไม่มีไรร็อก แค่จะบอกว่า เส้นตรงๆ อ่ะมันดูน่าเบื่อไป
ใช้เพียงแค่ "คีย์เวิร์ด" เท่านั้น สำหรับเส้นกิ่งแต่ละเส้นและคีย์เวิร์ดต้องอยู่บนเส้นนะครับ
ไม่ใ่ช่อยู่ด้านล่างเส้น  เหตุผลที่เขียนเฉพาะคีย์เวิร์ดก็เพราะว่า
คีย์เวิร์ดแบบโดดๆจะทำให้แม็พของคุณดูมีพลังและยืดหยุ่นได้

หมายเหตุ:คัดลอกมาจากเว็บเพื่อนบ้าน

วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556

ระบบระบายความร้อนรถยนต์


ส่วนประกอบที่ช่วยในการระบายความร้อน
ปั๊มน้ำ
หน้าที่การทำงาน
ทำให้น้ำหมุนเวียนจากเครื่องไปยังหม้อน้ำแล้วไหลกลับเข้า เครื่องการทำงานของ ปั๊มน้ำจะอาศัยสายพานจาก เครื่องยนต์มาหมุนและจะมีลูกปืน มารองรับในการหมุน
ปัญหา
สาเหตุที่ทำให้ปั๊มน้ำไม่ทำงาน สาเหตุแรกก็คือสายพานขาด เมื่อสายพานขาดปั๊มน้ำก็ไม่สามารถหมุน เมื่อปั๊มน้ำไม่หมุนก็ไม่มีการไหลเวียนของน้ำเพื่อเอาความร้อนออกจากเครื่องยนต์
สาเหตุอีกประการหนึ่ง คือการสึกหรอ หรือแตกของลูกปืนจะทำให้ปั๊มน้ำปิดตายไม่ยอมหมุน
หรือหมุนแบบแกว่งตัว ทำให้ส่วยอื่นของเครื่องยนต์เสียหายตามไปด้วย ส่วนปัญหาที่เจอกันบ่อยของปั๊มน้ำก็คือปั๊มน้ำรั่ว การตรวจสอบทำโดยการติดเครื่องและเร่งเครื่องยนต์จะทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าจะมีน้ำไหลออกมา
แต่ถ้าจอดรถไว้เฉย ๆ โดยไม่มีการติดเครื่องยนต์ หรือติดเครื่องในรอบเดินเบาน้ำจะไม่รั่วซึมให้เห็นการรั่วของปั๊มน้ำส่วนมากมักจะเกิด
ในบริเวณซิลแกนหมุนน้ำจะไหลออกมาทางด้านหน้าและออกจากรูระบายอากาศ
วิธีดูแลรักษา
1. ต้องคอยตรวจสอบสายพานให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ อย่าให้ขาด สายพานควรจะเปลี่ยนใหม่เมื่อมีการใช้งานรถเป็นระยะทาง 40,000 ก.ม
2. เมื่อลูกปืนปั๊มน้ำมีเสียงดังแสดงว่าลูกปืนสึกหรอควรรีบเปลี่ยนทันที
3. การตรวจสอบแบริ่งของปั้มน้ำ ทำโดยจับใบพัดทั้งส่วนบนและล่างและโยกไปมาข้างหน้าและข้างหลัง ถ้าใบพัดขยับได้แสดงว่าแบริ่งปั้มน้ำสึกหล่อ ต้องเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าปั๊มน้ำไม่มีใบพัด ให้จับบนพูลเลย์ ในบางครั้งซีลปั๊มน้ำรั่วจะมีน้ำไหลออกมา หรือแบริ่งมีเสียงก็ควรเปลี่ยนปั๊มน้ำใหม่

วาล์วน้ำ (เทอร์โมสตัท)

หน้าที่การทำงาน
ทำหน้าที่ปิดกั้นทางเดินน้ำไม่ให้ไหลเข้าเครื่องเมื่อเครื่องยนต์เย็น เพื่อที่จะทำให้เครื่องยนต์ร้อนถึงอุณหภูมิการทำงานเร็วขึ้น
 ปัญหา
วาล์วน้ำเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ก็ยังมีโอกาสเสีย เช่น วาล์วน้ำไม่เปิดเมื่อร้อนเนื่องจากเกิดการเสื่อมสภาพ ทำให้เครื่องร้อนจัด(โอเวอร์ ฮีท) การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทำได้โดยการถอดวาล์วน้ำออกชั่วคราว ก่อนถอดวาล์วน้ำออก ให้ถ่ายน้ำหล่อเย็นออกบางส่วน ถอดท่อน้ำออกจากโลหะ ถอดแป้นเกลียวที่ยึดฝาครอบวาล์วน้ำ ควรคลายแป้นเกลียวออกทีละน้อย ๆ เพื่อไม่ให้ฝาครอบบิดตัว ถ้าฝาครอบติดแน่นบนเสื้อหุ้ม ให้ใช้แท่งไม้ตอกเบา ๆ เพื่อให้ฝาครอบหลุดออกมา หลังจากนั้นยกวาล์วน้ำออกและควรใช้เศศษผ้าอุดช่องเปิดไว้ก่อน ขูดปะเก็นเก่าออกให้หมดแล้วทำความสะอาดผิวหน้าประกบและเปลี่ยนประเก็นใหม่ สังเกตว่าวาล์วน้ำเสียหรือไม่ดูจากจากการเปิดฝาหม้อน้ำแล้วติดเครื่องยนต์จนร้อนแล้วเร่งเครื่อง ถ้าเกจ์วัดความร้อนขึ้นสูงแต่ไม่มีการหมุนวนของน้ำอย่างเร็วโดยดูจากช่องฝาปิดหม้อน้ำที่เปิดไว้ แสดงว่าวาล์วน้ำมีปัญหา หรืออีกกรณีหนึ่งการที่วาล์วเปิดตลอดเวลาทำให้เครื่องยนต์ร้อนช้า ถ้าเปิดฝาหม้อน้ำแล้วเร่งเครื่องถึงแม้ว่าเครื่องยนต์จะเย็นก็ตามแต่จะมีการหมุนวนของน้ำอย่างเร็ว

วิธีดูแลรักษา
การตรวจสอบวาล์วน้ำทำโดยเริ่มตันจากการสตาร์ตเครื่องยนต์ในขณะที่เครื่องเย็น ใช้มือสัมผัสที่หม้อน้ำหรือท่อน้ำอันบน ซึ่งในช่วงแรกยังคงเย็นอยู่แต่ถ้าผ่านไปสัก 2 - 3 นาที จะร้อนขึ้นอย่างเร็ว แสดงว่าวาล์วน้ำทำงานผิกปกติ แต่ถ้าค่อย ๆ ร้อนขึ้นทีละหน่อย แสดงว่าวาล์วน้ำเปิดค้างตลอดเวลา แต่ถ้าร้อนขึ้นช้ามากและเครื่องเริ่มร้อนจัด แสดงว่าวาล์วน้ำปิดตายถ้าต้องการทราบว่าวาล์วน้ำทำงานได้หรือไม่ ทำโดยถอดวาล์วน้ำแล้วนำไปแช่ในน้ำร้อน เมื่อน้ำมีอุณหภูมิขึ้นจนมีค่าใกล้เคียงกับอุณหภูมิทำงานที่แสดงไว้บนวาล์ว วาล์วน้ำจะเปิดออก และเมื่อยกวาล์วน้ำขึ้นจากน้ำร้อนแล้วบ่อยให้เย็น วาล์วน้ำก็จะปิด

หม้อน้ำ
หน้าที่การทำงาน
ระบายความร้อนของน้ำที่เดินทางมาจากเครื่องยนต์ โดยที่หม้อน้ำจะมีท่อทางเดินน้ำ แล้วปิดด้วยครีบรังผึ้งเพื่อระบายความร้อนมาที่ครีบ เมื่อลมพัดผ่านท่อทางเดินน้ำก็เกิดการถ่ายเทความร้อนไปกับลม ทำให้น้ำเย็นตัวลง
ปัญหา
การรั่วของหม้อน้ำ ถ้ารั่วตามตะเข็บตัวล่างจะทำให้สังเกตได้ยากเพราะเพราะส่วนของหม้อน้ำจะบังเอาไว ้แต่ถ้ามีการรั่วซึมในบริเวณอื่นจะสังเกตได้ง่าย ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของหม้อน้ำก็คือการอุดตัน
ถ้ามีการอุดตันของหม้อน้ำ ต้องมีการถอดหม้อน้ำออกมาทำความสะอาดโดยการทะลวงเอาสิ่งสกปรกออกมา แต่ถ้าเป็นหม้อน้ำรุ่นใหม่ที่เป็นอลูมิเนียมและใช้ฝาครอบพลาสติกจะใหญ่จะถอดออกมาไม่ได้ การใช้น้ำยาล้างหม้อน้ำแก้การอุดตันของหม้อน้ำส่วนใหญ่จะได้ผลไม่ดีนัก ดังนั้นผู้ขับขี่ควรจะมีการป้องกันการอุดตันของหม้อน้ำ โดยการใช้น้ำยาหม้อน้ำของทางบริษัทรถ และมีการเปลี่ยนน้ำปีละครั้งหรือสองครั้งตามคำแนะนำของคู่มือรถ

ฝาปิดหม้อน้ำ
หน้าที่การทำงาน
ฝาหม้อน้ำสามารถเก็บแรงดันในหม้อ ทำให้จุดเดือดของน้ำเพิ่มสูงขึ้น เป็น 120 องศาเซลเซียส จากเดิม 100 องศาเซลเซียสปัญหา
ความดันของหม้อน้ำจะถูกควบคุมด้วยฝาหม้อน้ำ ดังนั้นต้องมีการตรวจสอบการทำงานของวาล์ว แหวนซีลต้องขยับตัวได้อิสระต้านกับแรงสปริง และแหวนยางต้องมีสภาพที่ดี แผ่นยางและสปริง เมื่อใช้งานไปนาน ๆ แผ่นยางจะเสื่อมไม่สามารถเก็บแรงดันได หรือสปริงเสื่อมแรงต้านลดลงไม่สามารถเก็บแรงดันได้สูง เมื่อน้ำมีอุณหภูมิสูงจะไหลกลับไปยังถังพักน้ำ แต่จะไม่ไหลกลับเข้าหม้อน้ำเมื่อเมื่อเครื่องเย็น ทำให้น้ำในหม้อน้ำลดลง ขาดประสิทธิภาพในการระบายความร้อนทำให้เครื่องยนต์มีความร้อนสูงกว่าปกติ
วิธีดูแลรักษา
ต้องทำการตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำเป็นประจำ ปกติระดับน้ำในหม้อน้ำจะเต็มเสมอ หากผู้ขับขี่ตรวจพบว่ามีการพร่องของน้ำในหม้อน้ำ แสดงว่ามีการรั่วของหม้อน้ำ หรือระบบระบายความร้อนมีปัญหา บางครั้งอาจมีสาเหตุมาจากการปล่อยน้ำในถังพักน้ำแห้งเนื่องจากฝาหม้อเสื่อมสภาพ การเปลี่ยนฝาหม้อน้ำใหม่ จะต้องมีขนาดเขี้ยวล๊อคฝา และแรงดันเท่าเดิม ต้องสังเกตด้วยว่าเป็นหน่วยอะไร


ถังพักน้ำ
หน้าที่การทำงาน
เมื่อน้ำในหม้อร้อนและขยายตัว มันจะดันผ่านวาล์วฝาปิดหม้อน้ำไหลมาถังพักน้ำ เมื่อเครื่องยนต์เย็นน้ำและแรงดันในหม้อลดลง มันจะดูดน้ำจากถังพักน้ำไหลเข้าหม้อน้ำ

ปัญหา
ถ้าผู้ขับขี่พบว่าเวลาเคื่รองเย็นน้ำในถังพักน้ำมีปริมาณมากผิดปกติ โดยที่ไม่ได้เติมน้ำเกินขีดสูงสุด แสดงว่าปะเก็นฝาสูบอาจจะแตก ผู้ขับขี่สามารถตรวจเช็ค้ดวยการเปิดฝาหม้อน้ำเอาไว้ ติดเครื่องจนเครื่องร้อนแล้วเร่งเครื่อง สังเกตน้ำในหม้อน้ำถ้ามีฟองอากาศวิ่งผ่านแสดงว่าฝาปะเก็นสูบแตก ในทางกลับกันพบว่าน้ำในถังลดระดับเร็วจนต้องเติมน้ำบ่อย ๆ แสดงว่าฝาหม้อน้ำมีปัญหา หรือมีการรั่วในระบบระบายความร้อน

พัดลมระบายความร้อน
หน้าที่การทำงาน
มีหน้าที่ดูดลมให้ผ่านรังผึ้งหม้อน้ำ เพื่อระบายความร้อนน้ำหล่อเย็น พัดลมจะมีปะโยชน์เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำหรือการจอดรถเป็นเวลานาน ๆ เช่น รถติด แต่ถ้ารถวิ่งด้วยความเร็วระดับ 60 กม./ชม.ขึ้นไป จะมีกระแสลมที่มาปะทะรังผึ้งหม้อน้ำ เครื่องยนต์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้พัดลม ในเวลารถติดถ้าพัดลมมีประสิทธิภาพในการทำงานไม่เพียงพอ จะทำให้เครื่องยนต์มีความร้อนสูง
ปัญหา
สาเหตุที่พัดลมมีประสิทธิภาพในการทำงานไม่เพียงพอ เนื่องมาจาก ใบพัดเสื่อมสภาพไม่กินลม ชุดฟรีคลัทช์ของแกนใบพัดเสื่อม ทำให้ใบพัดหมุนช้าในรอบต่ำ

วิธีดูแลรักษา
เมื่อชุดฟรีคลัทช์ของแกนใบพัดเสื่อม วิธีแก้ไขต้องอัดน้ำยาประเภทพาราฟินเพิ่ม หรือเปลี่ยนชุดฟรีคลัทช์ใหม่ ส่วนรถที่ใช้พัดลมไฟฟ้า จะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบควบคุมทำให้ใบพัดไม่หมุน หรือหมุนแต่ไม่เร็วพอเนื่องจากการเสื่อมสภาพของมอเตอร์ใบพัด หรือถ่านสึก ต้องซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่

สายพาน
หน้าที่การทำงาน
ทำหน้าที่ขับเคลื่อนปั๊มน้ำ พัดลมและอัลเทอร์เนเตอร์

ปัญหา
ถ้าสายพานตึงเกินไปอาจทำให้แบริ่งของปั๊มน้ำและอัลเทอร์เนเตอร์เสียได้ แต่ถ้าสายพานหย่อนเกินไปจะเกิดการลื่นไถล ทำให้พัดลม ปั๊มน้ำ และอัลเทอร์เนเตอร์ทำงานไม่เต็มที่และจะทำให้สายพานเสียหายในที่สุด

เมื่อพบความผิดปกติของสายพานควรเปลี่ยนใหม่ก่อนที่จะขาด สภาพสายพานที่ควรเปลี่ยนใหม่ คือ

1. สายพานหักเป็นช่วง ๆ ตรวจสอบโดยการดัดสายพานให้โค้งงอ จะเห็นร่องรอยการแตกหักเป็นช่วง ๆ
2. สายพานถูกน้ำหล่อลื่นหรือจารบีจับเป็นเวลานาน จนมีสภาพอ่อนนุ่มและยุ้ย
ยางสายพานแยกตัวออกจากเส้นใย
3. สายพานมีลักษณะเป็นเงามันเนื่องมาจากการลื่นไถล ถ้าลื่นไถลมากจะเงามาก
ถ้าสายพานเพิ่งเริ่มเป็นเงาเพียงเล็กน้อยควรปรับให้ตึงขึ้นเลํกน้อย จะช่วยให้ดีขึ้น
4. สายพานมีรอยขาด เส้นใยเริ่มสึกและขาดในที่สุด
5. สายพานแยกตัวเป็นชั้น ๆ และเส้นใยแตกเป็นฝอย ปล่อยไว้นาน ๆ จะทำให้สายพานขาด

             การปรับความตึงของสายพานต้องคลายสลักเกียวที่อัลเทอร์เนเตอร์ ที่ยึดติดกับเครื่องยนต์ด้วยแป้นยึดและ
สลักเกียวที่ก้านปรับซึ่งจะมี ร่องสำหรับการปรับระยะ ถ้าต้องการปรับสายพานให้ตึง
ใช้ไม้สอดเข้าไประหว่าง อัลเทอร์เนเตอร์กับเสื้อสูบ แล้วงัดเบา ๆ เมื่อสายพานตึงตามที่ต้องการแล้ว
ก็ให้ขันสลักเกียวของก้านปรับใหเฃ้แน่น หลังจากนั้นก็ตรวจสอบความตึงของสายพานอีกครั้ง
แต่ถ้าสายพานตึงเกินไป ให้ดันอัลเทอร์เนเตอร์เข้าหาเครื่อง
การเปลี่ยนสายพานต้องคลายสลักเกียวออกทุกตัวก่อนและดันให้อัลเทอร์เนเตอร์เข้าหาเครื่องยนต์แล้วดึง
สายพานออกจากพูลเลย์อันบนสุดและถอดสายพานออกจากพูลเลย์ของเพลาข้อเหวี่ยงและปั๊มน้ำ
แต่ถ้าเครื่องยนต์ติดตั้งแบบตามขวาง ต้องถอดสายพานให้ผ่านใบพัดของพัดลม

             สำหรับเครื่องยนต์บางรุ่นต้องถอดกำบังลมออกก่อน การเลือกสายพานใหม่ควรเลือกชนิดที่ผู้ผลิตกำหนด และต้องตรวจสอบเบอร์ของสายพาน ให้เท่ากับสายพานเก่า ก่อนใส่สายพานควรทำความสะอาดร่องพูลเลย์ก่อน แล้วคล้องสายพานเข้าไปในร่องพูลเลย์ถ้าไม่สามารถใส่สายพานเข้าร่องพูลเลย์ได้ง่ายก็ให้หมุนพูลเลย
 ์โดยหมุนที่ใบพัดของพัดลมหรือใช้ประแจช่วยในการหมุนหลังจากนั้นตรวจดูว่าสายพานเข้าไป
ในร่องสายพานได้อย่างเหมาะสมและไม่บิดตัว แล้วปรับความตึงของสายพาน ควรตรวจสอบความตึงของสายพานหลังจากที่ใช้งานไปแล้ว 300 กิโลเมตร
เมื่อสายพานพัดลมมีเสียงดังเอี๊ยด ๆ อย่าใช้น้ำมันหล่อลื่นทาเด็ดขาดเพราะถ้าทาน้ำมันเสียงจะหายไปชั่วคราว แต่สายพานจะบวมหรือเหนียวจนใช้งานไม่ได้

ท่อยางตัวล่าง

หน้าที่การทำงาน
เป็นตัวนำน้ำจากหม้อน้ำที่เย็นลงบ้างแล้วกลับเข้าเครื่องยนต์
ปัญหา
จะเกิดการรั่วซึมของน้ำ ใช้มือบีบท่อน้ำตามความยาวของท่อให้สังเกตดูส่วนล่างของท่อยางหรือด้านล่างใต้ท่อยาง ว่ามีรอยของการรั่วซึมหรือการหยดของน้ำหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งและข้อต่อ ท่อน้ำต้องไม่นิ่มหรือแข็งกระด้าง หรือมีอาการบวมเพราะอาจจะทำให้ท่อแตกได้เมื่ออยู่ภายใต้ความดัน สายรัดท่อเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับท่อ ควรมีการตรวจสอบสายรัดท่อด้วย
วิธีดูแลรักษา
ต้องตรวจเช็คสภาพและคอยเปลี่ยนเหมือนกับท่อยางตัวบน โดยเปลี่ยนท่อยางตัวบน 2 ครั้ง ต่อการเปลี่ยนท่อยางตัวล่าง 1 ครั้ง
การถ่ายน้ำหล่อเย็นควรทำทุก ๆ 2 - 3 ปี ควรทำในขณะที่เครื่องเย็น โดยการคลายปลั๊กถ่ายน้ำของหม้อน้ำออก ควรเปิดฝาหม้อน้ำด้วยเพื่อการไหลของน้ำเร็วขึ้น จากนั้นใส่ปลั๊กถ่ายน้ำเข้าที่เดิมแล้วเติมน้ำเข้าไปในหม้อน้ำ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เครื่องทำงานเพื่อที่จะไลฟอง่อากาศออกจากระบบ และอย่าลืมเติมน้ำในถังสำรองด้วย
เมื่อรถมีการใช้งานไปนาน ๆ น้ำหล่อเย็นจะหายไปบางส่วน การเติมน้ำหล่อเย็นไม่ควรทำในขณะที่เครื่องร้อนเพราะน้ำร้อนและไอน้ำภายใต้ความดันจะพุ่งออกมา แต่ถ้าจำเป็นจริงก็ควรใช้ผ้าปิดบนฝาหม้อน้ำ และค่อย ๆ คลายออกทีละน้อยเพื่อให้ความดันออกมาทีละน้อย
ถ้าน้ำในถังสำรองลดลงมากก็เติมในถังน้ำสำรองได้ทันทีควรมีการเติมน้ำยาผสมลงไปในน้ำ หล่อเย็นด้วยเพื่อป้องกันการเกิดตะกรันและเพิ่มจุดเดือดของน้ำให้สูงขึ้น ปริมาณน้ำยาที่เติมลงไปในน้ำควรมีปริมาณที่เหมาะสมตามที่กำหนด

ท่อยางตัวบน

หน้าที่การทำงาน
เป็นทางไหลของน้ำที่ได้รับความร้อนจากเครื่องยนต์แล้วไหลมายังหม้อน้ำเพื่อที่จะระบายความร้อน อายุการใช้งานของท่อยางตัวบนมักจะสั้นและเกิดปัญหาบ่อย จึงควรมีการตรวจสอบของท่อยางเป็นประจำว่า มีการแข็งตัว มีรอยแตก รอยบวมหรือไม่ แต่ถ้ามีอายุการใช้งานประมาณ 3 - 4 ปี ก็ควรจะเปลี่ยนใหม่และควรจะเปลี่ยนพร้อมกับเหล็กรัดท่อยาง ไม่ควรที่จะใช้เหล็กรัดตัวเก่าเพราะอาจจะทำให้รัดไม่แน่น หรือมีการคลายตัวทีหลัง
ปัญหา
จะเกิดการรั่วซึมของน้ำ ใช้มือบีบท่อน้ำตามความยาวของท่อให้สังเกตดูส่วนล่างของท่อยางหรือด้านล่างใต้ท่อยาง ว่ามีรอยของการรั่วซึมหรือการหยดของน้ำหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณส่วนโค้งและข้อต่อ ท่อน้ำต้องไม่นิ่มหรือแข็งกระด้าง หรือมีอาการบวมเพราะอาจจะทำให้ท่อแตกได้เมื่ออยู่ภายใต้ความดัน สายรัดท่อเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับท่อ ควรมีการตรวจสอบสายรัดท่อด้วย

วิธีดูแลรักษา
อายุการใช้งานของท่อยางตัวบนมักจะสั้นและเกิดปัญหาบ่อย จึงควรมีการตรวจสอบของท่อยางเป็นประจำว่า มีการแข็งตัว มีรอยแตก รอยบวมหรือไม่ แต่ถ้ามีอายุการใช้งานประมาณ 3 - 4 ปี ก็ควรจะเปลี่ยนใหม่และควรจะเปลี่ยนพร้อมกับเหล็กรัดท่อยาง ไม่ควรที่จะใช้เหล็กรัดตัวเก่าเพราะอาจจะทำให้รัดไม่แน่น หรือมีการคลายตัวทีหลัง ผู้ขับขี่ต้องมีการตรวจสภาพของท่อน้ำสภาพของท่อน้ำที่ควรจะเปลี่ยนใหม่
1. ท่อน้ำที่มีสภาพบวมโปร่ง ควรมีการเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะท่อน้ำอาจจะระเบิดได้ทุกเวลาเมื่อร้อนจัด หรืออยู่ภายใต้ความดันสูง การที่ท่อน้ำบวมมีสาเหตุจากบริเวณที่บวมมีคราบน้ำมันหล่อลื่นเปียกชื้นอยู่เสมอ
2. ท่อน้ำที่มีรอยแตกร้าวเป็นเส้นหรือแตกเป็นลาย ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเพราะถ้าปล่อยไว้นาน ๆ แล้วเส้นใยภายในท่อน้ำจะเริ่มขาดและท่อน้ำจะฉีกขาดในที่สุด
3. ปลายท่อน้ำชำรุดมีสาเหตุมาจากสายรัดท่อแน่นเกินไป กดยางจนเปื่อย หรือสายรัดหลวมเกินไป ทำให้มีน้ำรั่วออกมาในขณะที่เครื่องร้อน ปลายท่อจะบานและมีตะกอนจับ ดังนั้นควรใช้สายรัดท่อที่มีความกระชับพอดีกับขนาดท่อ
4. มีตะกอน ตะกรัน และสิ่งสกปรกอยู่ภายในท่อน้ำ ทำให้ท่อน้ำเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
5. ถ้าบีบท่อน้ำแล้วท่อน้ำนิ่มเกินไปหรือตีบแน่น หรือท่อน้ำแข็งจนบีบไม่ลง ควรเปลี่ยนใหม่

ขอขอบคุณที่มา : http://www.aisleberley.com/Novel%20Overheat%20warning/coolingsystem.htm#belt

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

ลง Window เร็วสุดๆ


ลง Window ใหม่อย่างไวที่สุด
เคยเป็นกันบ้างหรือเปล่าครับ สำหรับคนที่ต้องลง windows บ่อย ลงกี่ที ๆ ก็ต้องลงโปรแกรมเหมือนเดิมเสมอ ๆ ไม่เพียงแค่นั้น การตั้งค่าการทำงานต่าง ๆ ยังจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกด้วย
          ตอนนี้ ปัญหาเหล่านั้นหมดไปแล้ว เพียงแค่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เท่านั้น ปัญหากับการต้องลงโปรแกรมใหม่จะหมดไป.....

ลง Windows อย่างเดียว 

1. เปิดเครื่องบูตเข้าสู่วินโดว์สตามปกติ 

2. นำแผ่น Setup CD ของวินโดว์สใส่ลงในไดรฟ์ซีดีรอม 

3. คลิกปุ่ม Start -> Run
 
4. พิมพ์คำสั่ง E:\i386\winnt32 /unattend แล้วคลิกปุ่ม OK (ในกรณีที่ ไดรฟ์ซีดีรอมเป็นไดรฟ์ E ถ้าเป็นไดร์ฟอื่นก็ให้แก้เป็นตามนั่นเช่น C:\ or D:\)
 
5. โปรแกรมติดตั้งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งวินโดว์สให้ใหม่ โดยยังคงรักษา 
ค่าการทำงานต่างๆ เอาไว้เหมือนเดิม

เครดิต http://smf.ruk-com.in.th

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


การ Block facebook, MSN, hotmail ด้วย pfSense

การปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์ตามสำนักงานหรือที่บ้าน ถ้าคุณใช้ pfSense อยู่แล้ว สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยคุณสมบัติ DNS forwarder (Firewall อื่นๆ ที่มีคุณสมบัิตินี้ก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน)
ในทางเทคนิคแล้วเราสามารถแทนที่ DNS ภายนอกโดยการเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์หรือ IP Address ตามที่เราต้องการได้ ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์  hotmail.com, hi5.com, และ facebook.com เราจะทำการเปลี่ยนเส้นทางไปยัง IP Address 127.0.0.1 (loop back)
จากนั้นก็ทำการสร้าง LAN Rule เพื่อ Block Destination คือ 127.0.0.1 เพียงเท่านี้ก็สามารถ Block เว็บไซต์ดังกล่าวได้แร้วครับพี่น้อง..
สำหรับตัวอย่างนี้ผมจะทำการ Block Website คือ
www.facebook.com
www.hi5.com
www.hotmail.com
และ Messenger
1. สร้าง DNS forwarder โดยไปที่ Service > DNS Forwarder

รูปด้านล่าง คือตัวอย่าง DNS Forwarder ที่สร้างเสร็จแล้ว, กรณีต้องการ Block เว็บอื่นๆ สามารถเพิ่มได้เรื่อยๆ

2. สร้าง LAN Rule ตามภาพตัวอย่างครับ เมื่อสร้างเสร็จแล้วให้เลื่อนไว้อยู่ตำแหน่งบนสุด

3. ทดสอบการใช้งาน ว่าสามารถ Block ได้จริงหรือไม่

ขอขอบคุณ ที่มา : http://www.laontalk.com/2011/06/16/1910

เฝ้าคอย

เฝ้าคอย
looking